Daflon คือยาอะไร? มีกี่ mg? ใช้รักษาริดสีดวงแบบไหน มีวิธีใช้อย่างไร

daflon คือยาอะไร

สำหรับคนที่มักมีอาการของโรคริดสีดวงเป็นประจำคงพอจะรู้จักยา Daflon หรือ ดาฟลอนกันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นยาที่ขึ้นชื่นในเรื่องของการรักษาอาการที่ทุกข์ทรมานของโรคริดสีดวงแบบภายในได้ แต่สำหรับใครที่เพิ่งเคยเป็นริดสีดวงครั้งแรก และยังไม่รู้จักกับตัวยานี้มาก่อน ทำให้อาจมีข้อสงสัยเกี่ยวกับตัวยา Daflon อยู่มากมาย

วันนี้เราจึงพามาทำความรู้จักและไขข้อสงสัยในการใช้ยา Daflon และมีข้อมูลเกี่ยวกับตัวยาอย่างละเอียดจากผู้เชี่ยวชาญ ว่าสามารถรักษาริดสีดวงได้จริงไหม ตัวยาที่รับประทานควรมีกี่มิลกรัม ทานยาติดต่อกันนานๆมีผลข้างเคียงอันตรายไหม และต้องเลือกทานยาอย่างไรให้ปลอดภัย มาดูคำตอบอย่างละเอียดจากหัวข้อต่างๆด้านล่างนี้ได้เลย

Daflon คือยาอะไร?

Daflon หรือยาดาฟลอน เป็นชื่อทางการค้าของยาในกลุ่ม MPFF (Micronized Purified Flavonoid Fraction) ซึ่งตัวยาจะมีทั้งขนาด 500 มิลลิกรัม และ 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งขนาด 500 มิลลิกรัม ตัวยาจะประกอบไปด้วย Diosmin  450 มิลลิกรัม และ Hesperidin ขนาด 50 มิลลิกรัม และ Daflon ขนาด 1,000 มิลลิกรัม จะประกอบด้วย Diosmin 900 mg และ Hesperidin 100 mg ซึ่งเป็นตัวยาเพื่อใช้ในรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะเกี่ยวกับ venolymphatic insufficiency เช่น เส้นเลือดขอด, ริดสีดวงทวารโดยจะช่วยสร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด และเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำให้ทำงานได้ดีขึ้น

Daflon ช่วยเรื่องอะไรบ้าง?

ดาฟลอน เป็นตัวยาที่มีการออกฤทธิ์ช่วยเพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำ (Venotonic)  ลดอาการอักเสบของหลอดเลือดดำ ช่วยรักษาความผิดปกติของการไหลเวียนเลือดในหลอดเลือดดำ เพิ่มความต้านทางของหลอดเลือดดำ และรักษาอาการเส้นเลือดขอดต่างๆ รวมถึงใช้รักษาริดสีดวงระยะเริ่มต้น – ระยะกลาง และ ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงทั้งเฉียบพลันหรือเรื้อรัง ทั้งแบบภายในและแบบภายนอก ลดอาการปวดจากเส้นเลือดขอด แก้อาการขาอยู่ไม่สุข รวมถึงอาการบวมจากเลือดคั่งที่หลอดเลือดดำที่รูทวาร นอกจากนี้ยา Daflon ยังสามารถช่วยรักษาภาวะน้ำเหลืองบวม ภาวะผื่นผิวหนังอักเสบ และภาวะไหลเวียนของเลือดช้าลงได้อีกด้วย

หลักการรักษาริดสีดวงของ ยา Daflon

Daflon มีกลไกการออกฤทธิ์คือ เข้าไปช่วยสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบการบวมของหลอดเลือดดำ ช่วยเพิ่ม venous tone, lymphatic drainage และ stabilize capillary permeability สร้างความแข็งแรงของหลอดเลือด เพิ่มการบีบตัวของหลอดเลือดดำได้ดีขึ้น ทำให้หลอดเลือดขยายตัวเพื่อให้เลือดหมุนเวียนไปทั่วร่างกาย ลดอาการเลือดคั่งบริเวณหลอดเลือดดำที่ทวาร ดังนั้นอาการบวมของริดสีดวงจึงลดลง

ยา Daflon กินนานได้แค่ไหน?

ยา-Daflon-กินนานได้แค่ไหน

สำหรับการรักษาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ควรมีการรับประทานยาให้เหมาะสมกับระยะของโรค โดยมีการทานอย่างต่อเนื่องติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน โดยปริมาณการรับประทาน และระยะเวลาที่รับประทานจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆของคนไข้เช่นอายุ น้ำหนัก และระดับความรุนแรงของโรค โดยแพทย์หรือเภสัช จะเป็นผู้ประเมินให้อย่างละเอียด เช่นในช่วง 4 วันแรกให้รับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังจากนั้นให้ลดปริมาณยาเป็นครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 3 วัน หรือ ทาน Daflon เพื่อรักษาริดสีดวงแบบต่อเนื่อง โดยการรับประทานยาครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง เป็นระยะเวลา 2 เดือน

Daflon มีกี่ Mg บ้าง ใช้ต่างกันอย่างไร?

การทานยา Daflon ควรได้รับปริมาณมิลลิกรัมของยาที่เหมาะสม โดยตัวยาจะมีให้เลือก 2 ขนาด คือ

Daflon-มีกี่-Mg-บ้าง-ใช้ต่างกันอย่างไร
  1. Daflon 500 mg ใช้ในการรักษาโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดดำเรื้อรัง เช่น เส้นเลือดขอด และริดสีดวงทวาร โดยการรับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 4 วัน หลังจากนั้นให้ลดขนาดยาเป็นครั้งละ 2 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน และในกรณีใช้เป็นการรักษาแบบต่อเนื่อง ให้รับประทานยาครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 2 เดือน
  2. Daflon 1000 mg ใช้ในการรักษาโรคเส้นเลือดขอด โดยรับประทานครั้งละ 2 เม็ด วันละ1 ครั้ง หรือครั้งละ 1 เม็ดวันละ 2 ครั้ง โดยการรับประทานยาพร้อมกับอาหาร โดยผู้ป่วยควรมาการรับประทานยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด

ข้อควรระวังในการใช้ยา Daflon

ข้อควรระวังในการใช้ยา-Daflon

สำหรับการใช้ยา Daflon ในผู้ป่วยที่มีอาการของโรคริดสีดวงควรได้รับการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด รวมถึงศึกษาข้อควรระวังต่างๆของการใช้ยาดังนี้

  • ควรระวังการใช้ยาสำหรับผู้ที่แพ้ส่วนผสมอยู่ในยานี้ หากพบว่ามีอาการคลื่นไส้อาเจียน ผื่นขึ้น หายใจไม่ออก ปากบวม หน้าบวม ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
  • ในผู้ป่วยโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา Daflon
  • ในผู้ที่มีอาการริดสีดวงเฉียบพลันหากรักษาด้วย Daflon แล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 15 วันแนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อทำการรักษาด้วยวิธีอื่นต่อไป
  • ไม่แนะนำให้รับประทานในสตรีมีครรภ์และหญิงให้นมบุตร (รวมถึงเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี) ควรได้รับคำปรึกษาจากแพทย์อย่างละเอียด
  • ยาช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวารเป็นตัวช่วยให้เลือดหยุดไหลเท่านั้น การรักษาด้วยตัวยาจะได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น หากผู้ป่วยมีการปรับเปลี่ยนและลดพฤติกรรมที่เสี่ยงอาจทำให้เกิดโรคริดสีดวงร่วมกับการรับประทานยา เช่น ลดน้ำหนัก การไม่เบ่งถ่ายแรงๆ ไม่ยกของหนักเป็นต้น
  • ควรใช้ยาในปริมาณตามที่แพทย์หรือเภสัชสั่งจ่ายเท่านั้น ห้ามใช้ยาเกินขนาดเพราะอาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้
  • รับประทานยาพร้อมอาหาร หรือหลังอาหารเท่านั้น เนื่องจากยาดาฟลอน อาจทำให้เกิดการ ระคายเคืองกระเพาะอาหาร หรือทำให้รู้สึกวิงเวียนหากรับประทานตอนท้องว่าง
  • ไม่ควรรับประทานยาร่วมกับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะอาจจะยิ่งทำให้เกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยามากขึ้น

Daflon มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง?

Daflon-มีผลข้างเคียงอะไรบ้าง

Daflon เป็นยาที่อาจเกิดผลข้างเคียงได้ไม่ต่างจากการใช้ยาชนิดอื่นๆ ถึงแม้จะมีผลข้างเคียงน้อยและยังไม่พบการรายงานอาการข้างเคียงเมื่อใช้เป็นระยะเวลานานซึ่งผลข้างเคียงที่มักพบได้บ่อย ได้แก่

  • คลื่นไส้อาเจียน
  • มีผื่นคันขึ้นตามใบหน้าและลำตัว
  • วิงเวียนศีรษะ
  • นอนไม่หลับ
  • อาหารไม่ย่อย
  • มีอาการปวดท้อง
  • หน้าบวม ปากบวม
  • ท้องเสีย

ดังนั้นก่อนการใช้ยาจึงควรใช้ได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และมีการใช้ยาในปริมาณที่เหมาะสมของอาการเท่านั้น หากพบว่าไม่สามารถทนผลข้างเคียงของยาได้ผู้ป่วยสามารถหยุดยาได้ทันที

ยา Daflon คนท้องกินได้ไหม?

ยา-Daflon-คนท้องกินได้ไหม

สำหรับข้อมูลเกี่ยวกับการใช้ยา Daflon ในคนท้องพบว่ายังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากกังวลว่าส่วนผสมบางตัวของยาจะสงผลต่อความปลอดภัยของบุตรในครรภ์ ซึ่งจากการทดลองกับสัตว์ยังไม่พบว่ามีพิษต่อระบบสืบพันธุ์ แต่ยังไม่มีข้อมูลสนับสนุนที่ชัดเจน ดังนั้นจึงขอแนะนำให้คนที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือคนท้องที่เป็นริดสีดวง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยา Daflon หรือถ้ามีความจำเป็นควร ได้รับคำแนะนำหรือได้รับการดูแลจากแพทย์อย่างใกล้ชิด โดยใช้ยาในปริมาณน้อยและไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน

อ่านบทความเพิ่มเติม : คนท้องเป็นริดสีดวง รักษายังไง? มีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไร

ทานยา Daflon ร่วมกับยาสมุนไพรได้ไหม?

การทานยา Daflon และการทานยาสมุนไพรร่วมกันอาจทำให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาที่ไม่ชัดเจน ซึ่งอาจทำให้ไม่ได้รับประโยชน์จากยาและเป็นการเพิ่มผลข้างเคียงต่อระบบทางเดินอาหารได้ ดังนั้นจึงขอแนะนำให้เลือกรับประทานยาตามอาการ หรือความจำเป็นของโรคเท่านั้น นอกจากนี้ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาทิ มีอาการอักเสบ เจ็บปวด เลือดออกมาก มีติ่งเนื้อโผล่ออกมาและไม่หดกลับ อาจจะต้องได้รับการรักษาด้วยการผ่าตัด เนื่องจากการใช้ยาเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอาการข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากยาได้

Daflon ใช้ยังไง ต้องทานเวลาไหน?

ดาฟลอน (Daflon) เป็นยาที่ทางการแพทย์มักนำมาใช้ในการรักษาอาการที่เกี่ยวข้องกับภาวะ venolymphatic insufficiency เช่น มีอาการรู้สึกหนักตรงบริเวณขา, มีอาการปวด ขาอยู่ไม่เป็นสุข อาการเส้นเลือดขอด และยังนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในการรักษาอาการทางของโรคริดสีดวงทวารกำเริบแบบเฉียบพลัน ซึ่งเป็นตัวยาที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพราะอาหารได้ (แต่ไม่ถึงขั้นรุนแรง) ดังนั้นแพทย์หรือเภสัชจึงแนะนำให้หลังอาหารทันที หรือรับประทานไปพร้อมกับมืออาหาร เพื่อลดความรุนแรงของตัวยาที่ผลต่อกระเพราะอาหารนั่นเอง

Daflon ห้ามใช้กับยาอะไร?

Daflon เป็นตัวยาที่อยู่ในกลุ่ม MPFF และมักจะใช้เพื่อรักษาโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด หรือมีความผิดปกติในการไหลเวียนของในหลอดเลือดดำและช่วยรักษาอาการโรคริดสีดวงทวารด้วย (Daflon)ไม่ควรใช้กับผู้ที่มีอาการแพ้ยา Micronized purified flavonoids fraction และตัวยาในกลุ่ม magnesium stearate, talc,Sodium starch glycolate, microcrystalline cellulose, gelatine หากไม่มั่นใจให้ปรึกษาษาเภสัชกร

ทาน Daflon ร่วมกันยาตัวอื่นเป็นอันตรายไหม?

Daflon อาจส่งผลทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อการออกฤทธิ์ของยา จากยาตัวอื่นที่คุณกำลังรับประทานและเป็นการเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง ดังนั้นหากคุณมีตัวยาหรือวิตามินที่ต้องทานเป็นประจำควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบ เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และเพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

หากทาน  Daflon กลับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะเป็นอย่างไร

เครื่องที่มีดื่มแอลกอฮอล์ อาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา ทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลง หรืออาจส่งผลเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงให้สูงขึ้น ดังนั้นจึงควรศึกษาข้อมูลการใช้ยาอย่างระเอียด และควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ในขณะใช้ยา

หากมีโรคประจำตัวทานยา Daflon ได้ไหม?

สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับ ระบบทางเดินหายใจ โรคไต โรคมะเร็ง โรคหัวใจ และโรค HIV ก่อนการรับประทาน Daflon ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และแจ้งให้ทราบถึงสภาวะโรคของคุณ เนื่องจากตัวยากอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยาได้

 วิธีเก็บรักษายา Daflon ควรเก็บรักษาอย่างไร

การเก็บรักษายา Daflon ที่ถูกต้องควรมีการเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงแดดและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย และเพื่อความปลอดภัยควรเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง แต่ทั้งนี้ไม่ควรเก็บยา Daflon ไว้ในตู้เย็นหรือช่องแช่แข็ง เพราะอาจทำให้ประสิทธิภาพของยาเสื่อมได้

ยา Daflon หาซื้อได้จากที่ไหน

Daflon เป็นยารักษาอาการผิดปกติของเส้นเลือดที่ถูนิยมนำมาใช้ในการรักษาริดสีดวงทวารหนัก ซึ่งคนไข้สามารถหาซื้อได้จากร้านขายยาชั้นนำ และร้านขายยาทั่วไปที่มีเภสัชกรเป็นผู้จ่ายยา

Daflon กับ ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง ต่างกันอย่างไร

  • Daflon
    Daflon คือ ยารักษาริดสีดวงแบบชนิดเม็ด โดยตัวยาจะออกฤทธิ์ไปเพิ่มการช่วยบีบตัวของหลอดเลือดดำ (Venotonic) และช่วยเพิ่มความต้านทางให้หลอดเลือดดำ ช่วยลดอาการขาบวมหรือมีอาการเลือดคังที่หลอดเลือดดำได้ ช่วยลดอาการปวดขาจากเส้นเลือดขอดได้อีกด้วย รวมไปถึงช่วยลดการอักเสบในหลอดเลือดและสามารถใช้รักษาริดสีดวงแบบเฉียบพลันและเรื้อรังได้ ซึ่งตัวยาอาจมีผลข้างเคียงต่อร่างกาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้ยาในปริมาณที่เหมาะสม ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชอย่างเคร่งครัด
  • ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง
    ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง โดยส่วนมากจะมีส่วนผสมของเพชรสังฆาต,ใบมะกา, โกฐกักกรา, ว่านหางจระเข้, ใบมะขามแขก, อัคคีทวาร ซึ่งล้วนแต่เป็นตัวยาที่มีคุณสมบัติช่วยลดความรุนแรงของโรคริดสีดวงได้ก็จริง และช่วยสมานแผลจากริดสีดวงให้แห้งเร็ว ปรับสมลำไส้และระบบย่อยให้ทำงานดีขึ้น ซึ่งต้องอาศัยการรับประทานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่ข้อดีของสมุนไพรรักษาริดสีดวงคือมีผลข้าเคียงน้อย จากผลสำรวจของผู้ที่รับประทานยังไม่มีการยืนยันว่ามีผลข้างเคียงดับร่างกาย

อ่านบทความเพิ่มเติม : 10 สมุนไพรรักษาริดสีดวง ที่ควรรู้ มีอะไรบ้าง? ช่วยเรื่องอะไร?

แต่อย่างไรก็ตามโรคริดสีดวงควรมีการปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อได้รับยารักษาที่ตรงจุด และถูกวิธี ไม่ควรรักษาโรคริดสีดวงด้วยตัวเอง

ทำอย่างไรเมื่อลืมทานยา Daflon

หากมีการลืมรับประทานยา ให้กินยาทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่ถ้าหากเป็นเวลาใกล้ถึงมื้ออาหารที่จะต้องทานยาในต่อไป ก็สามารถข้ามครั้งที่ลืมรับประทานไปได้เลย โดยไม่ต้องรับประทานเพิ่มหรือเพื่อชดเชยครั้งที่ลืมใดๆ

เมื่อไหร่ที่ควรหยุดทานยา Daflon

หลังจากที่รับประทานยา Daflon มาได้สักระยะแล้วรู้สึกว่ามีอาการดีขึ้นมากๆก็สามารถหยุดรับประทานยาได้เลย เพราะตัวยาสามารถช่วยแค่หยุดอาการของเลือดออกเท่านั้น แต่ไม่สามารถที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ หรืออาการปวดเป็นแผลได้ ซึ่งหลังหยุดรับประทานยา แนะนำให้คนไขปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารหรือพฤติกรรมที่ส่งผลต่อโรคริดสีดวง เพื่อป้องกันไม่ให้กลับไปมีอาการริดสีดวงซ้ำอีก

ห้ามรับประทานพร้อม อาหารอะไรบ้าง?

ในช่วงที่มีการทานยา Daflon แนะนำให้หลีกเลี่ยงการรับประทานยากับเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็นเหล้า ไวน์ เบียร์ รวมไปถึงเครื่องเื่มที่มีคาเฟอีน อย่างชา กาแฟ นม น้ำอัดลม เนื่องจากเครื่องดื่มเหล่านี้อาจทำให้ประสิทธิภาพของตัวยาลดลงได้ และควรรับประทานยาพร้อมกับน้ำเปล่าเท่านั้น

งานวิจัยที่เกี่ยวข้องของ Daflon

เมื่อเปรียบเทียบยาแผนปัจจุบันกับยากสมุนไพรพบว่าเพชรสังฆาตมีประสิทธิภาพเหมือนกันกับยาแผนปัจจุบันทั้งหมดใน 3 ด้าน คือ ลดอาการปวด ลดอาการหลอดเลือดขอดที่ยื่นออกมา และช่วยการลดการเกิดเลือดออก ซึ่งในสมุนไพรเพชรสังฆาตประกอบด้วยไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ชนิด ได้แก่ Diosmin และ hesperidin

ทำให้สมุนไพรเพชรสังฆาตมีประสิทธิภาพกับผู้ป่วยที่เป็นโรคริดสีดวงทวารจำนวน 121 คน

ซึ่งเมื่อมีการเปรียบเทียบกับยาแผนปัจจุบันอย่าง Daflon มีผลการวิจัยพบว่าการประเมินผลของสมุนไพรเพชรสังฆาตกับยา Daflon แทบจะไม่มีความแตกต่างกัน ในขณะที่ยาสมุนไพรรักษาริดสีดวงเพชรสังฆาตถูกกว่ายาดาฟลอนถึง 20 เท่า ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าแคปซูลเพชรสังฆาตสามารถใช้ทดแทนยา Daflon ในการรักษาโรคริดสีดวงทวารได้ดี

สรุป

สำหรับใครที่กำลังมีอาการของโรคริดสีดวงทวาร และต้องการรับประทานยาเพื่อรักษาด้วยตัวเอง โดยการใช้ยา Daflon แต่มีความกังวลว่าจะไม่สามารถทนต่อผลข้างเคียงของการใช้ยาได้ ก็สามารถเลือกรับประทานยาสมุนไพรแก้ริดสีดวงได้เช่นกัน ซึ่งเป็นตัวยาที่มีผลข้างเคียงน้อยและยังไม่มีคนไข้รายใด ออกมาให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียงจากการรับประทาน นอกจากนี้ยังสามารถรับประทานได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอันตรายต่อร่างกายอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามก่อนการรับประทานยารักษาริดสีดวงภายในทุกชนิด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชให้ละเอียดรอบครอบถึงวิธการรับประทานยาที่ถูกต้อง เพื่อการรักษาที่เห็นผลตามต้องการ

อ้างอิงจาก

Similar Posts