เปรียบเทียบอาการ ฝีคัณฑสูตร กับ ริดสีดวง ต่างกันอย่างไร?

ฝีคัณฑสูตร กับ ริดสีดวง

โรคริดสีดวงกับโรคฝีคัณฑสูตร ถือเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทางทวารหนักเหมือนกับ และในบางทีก็อาจจะมีอาการทีที่คลายกันจนหลายคนสับสน แยกไม่ออกว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเองเป็นโรคริดสีดวง หรือเป็นโรคฝีคัณฑสูตรกันแน่ ซึ่งทั้ง 2 โรคนี้ต่างก็เป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวและสามารถสร้างผลกระทบต่อคุณภาพการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยได้ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก่อนอาการต่างๆของโรคจะลุกลามและรุนแรงขึ้น คุณจึงไม่ควรพลาดกับบทความนี้

โรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวง

ทำความรู้จักกับโรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวง

โรคฝีคัณฑสูตร หรือ (Anal Fistula หรือ Fistula – in – ano) เป็นโรคติดเชื้อทางทวารหนักระยะเรื้อรัง ซึ่งอาจมีส่งผลทำให้มีเลือดออก บวมแดง รู้สึกปวดแสบ คัน มีหนองไหล มีตุ่มขึ้นที่ทวาร บริเวณแก้มก้น หรือรอบปากทวารหนัก ซึ่งมีสาเหตุเกิดจากการติดเชื้อของต่อมผลิตมูก (Anal Gland) บริเวณทวารหนัก ซึ่งชนิดของฝีคัณฑสูตรสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ

  1. ฝีคัณฑสูตรชนิดที่อยู่ตื้นหรือไม่ซับซ้อน (Simple Fistula) ซึ่งฝีคัณฑสูตรชนิดนี้จะมีการเชื่อมต่อระหว่างรูทวารกับผิวหนังเพียง 1 ทาง
  2. ฝีคัณฑสูตรชนิดที่ลึกหรือมีความซับซ้อน (Complex Fistula) เป็นฝีคัณฑสูตรที่มีความเกี่ยวข้องกับกล้ามเนื้อหูรูดทวารกับอวัยวะข้างเคียงหรือมีการเชื่อมโยงกับผิวหนังหลายทาง

ริดสีดวงทวาร หรือ (Hemorrhoids) โรคที่เกิดเส้นเลือดบริเวณทวารหนักและลำไส้ตรงส่วนล่างหลอดเลือดดำบริเวณปลายสุดของลำไส้ใหญ่เกิดการโป่งพองมีขนาดใหญ่เหมือนเส้นเลือดขอด ขอบรูทวารหนักและยื่นออกมา ซึ่งอาจทำให้มีอาการเลือดไหลระว่างการขับถ่าย เจ็บปวด บวม และมีติ่งริดสีดวงโผล่ออกมานอกขอบทวารหนัก ซึ่งริดสีดวงทวาร สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดคือ

  1. ริดสีดวงทวารชนิดภายใน (Internal Hemorrhoids) เป็นริดสีดวงทวารที่ไม่มีหัวโผล่ออกมาให้สัมผัสเจอ ไม่ทำให้เกิดความเจ็บหากยังไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งริดสีดวงชนิดนี้จะมีทั้งหมด 4 ระยะ โดยแต่ละระยะจะมีอาการหรือความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป
  2. ริดสีดวงทวารชนิดภายนอก (External Hemorrhoids) เป็นริดสีดวงที่เกิดขึ้นจากหลอดเลือดบริเวณปากรอยย่นของทวารหนักโป่งพอง ซึ่งอยู่ใกล้กับขอบทวารจึงสามารถสัมผัสได้ และริดสีดวงชนิดนี้มักให้ความรู้สึกเจ็บปวด เนื่องจากผิวหนังมีปลายประสาทที่รับความรู้สึก
อาการของโรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวง

อาการของโรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวง

ถึงแม้ว่าโรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวงจะมีอาการที่ใกล้เคียงกัน แต่ก็ไม่ได้เหมือนกันหมดซะทีเดียว ซึ่งอาการหลักๆที่เห็นได้ชัดเจนของทั้ง 2 โรคมีดังนี้

อาการโรคฝีคัณฑสูตร

  1. มีเลือด น้ำเหลือง หรือหนองไหลซึม ออกมาจากผิวหนังที่มีแผลบริเวณรูทวาร ทำให้ก้นแฉะ เละเกิดการอับชื้น
  2. มีอาการคันที่ก้นหรือบริเวณผิวหนังรอบทวารหนัก
  3. มีอาการเจ็บปวดบวมบริเวณแก้มก้น หรือบริเวณรอบทวารหนัก
  4. มีตุ่มฝีขึ้นที่ก้น หรือบริเวณขอบทวาร

อาการโรคริดสีดวงทวาร

  1. มีเลือดออกหลังการขับถ่าย เลือดติดกระดาษชำระ หรือมีเลือดปนมากับอุจจาระโดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
  2. มีความรู้สึกหนักบวมที่บริเวณทวารหนัก เนื่องจากหลอดเลือดภายในมีอาการบวมมาก
  3. มีหัวริดสีดวงหรือก้อนเนื้อนิ่มๆโผล่มานอกขอบทวาร ซึ่งอาจทำให้มีอาการเจ็บปวด โดยเฉพาะเวลาที่เกิดการอักเสบ
  4. มีอาการระคายเคือง คัน รอบบริเวณทวารหนัก

อ่านต่อเพิ่มเติม : 4 สัญญาณบอก ริดสีดวงอาการเริ่มแรก เป็นอย่างไร?

เปรียบเทียบฝีคัณฑสูตรกับริดสีดวง

ข้อแตกต่างระหว่างฝีคัณฑสูตร VS ริดสีดวงมีอะไรบ้าง

ฝีคัณฑสูตรริดสีดวง
มีเลือดซึมที่บริเวณทวารมีเลือดออกขณะขับถ่าย
มีน้ำเหลืองซึมออกจากแผล และมีฝีหนองไม่มีหนองไหลจากจากทวาร
มีไข้ไม่มีไข้
ไม่มีหัวหรือติ่งเนื้อยื่นออกมามีหัวริดสีดวง หรือติ่งเนื้อยื่นออกมา
แม้จะไม่ได้ขับถ่ายก็รู้สึกเจ็บปวดบริเวณทวารหนักตลอดเวลารู้สึกเจ็บปวดทวารหนักในขณะขับถ่าย
โอกาสที่จะกลับมาเป็นซ้ำมีน้อยมากเมื่อหายแล้วมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้
ไม่สามารถหายเองได้เอง ต้องได้รับการรักษาจากแพทย์สามารถหายได้ด้วยตัวเอง
สามารถติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ไม่ใช่โรคติดต่อ

แนวทางการรักษาฝีคัณฑสูตรและการักษาริดสีดวง

การรักษาฝีคัณฑสูตร (Anal Fistula) สำหรับผู้ที่ได้รับการวินิจฉัยเบื้อต้นแล้วพบว่ามีอาการของฝีคัณฑสูตรจะต้องเข้ารับการรักษาโดยแพทย์ด้วยวิธีต่างๆที่เหมาะสมภายใต้การพิจารณาจากแพทย์ ดังนี้

  1. LIFT Procedure (Ligation of Intersphincteric Fistula Tract) เป็นวิธีการผ่าตัดรักษาที่บริเวณระหว่างชั้นของกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักเพื่อคล้องเอาทางเชื่อมต่อ (Fistula Tract) โดยไม่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักได้รับบาดเจ็บ
  2. Fistulotomy การใช้มีดหรือจี้ไฟฟ้าเพื่อเปิดทางเชื่อมต่อ (Fistula Tract) เหมาะกับผู้ป่วยฝีคัณฑสูตรชนิดไม่ซับซ้อน
  3. Seton Ligation วิธีนี้เป็นการผ่าตัดโดยใช้เชือก (Seton) ผูกท่อที่เชื่อมฝีคัณฑสูตรไว้ให้แน่น โดยไม่ตัดหูรูด เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นฝีคัณฑสูตรชนิดซับซ้อน (Complex Fistula)
  4. Fistulectomy คือ การตัดเอาส่วนของทางเชื่อมต่อทางเดินทวารออกทั้งหมด ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาการกลั้นอุจจาระหลังการผ่าตัดได้

การรักษาริดสีดวง (Hemorrhoids) สำหรับโรคริดสีดวงเป็นโรคที่สามารถรักษาได้ด้วยตัวเองก่อนการพบแพทย์ ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรคร่วมด้วย ซึ่งวิธีที่มักได้รับความนิยมนำมาใช้ในการรักษาริดสีดวงทวารได้แก่

  1. การทายาริดสีดวง เป็นการใช้ตัวยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ทาที่บริเวณริดสีดวง เพื่อบรรเทาอาการอักเสบ ลดความเจ็บและช่วยบรรเทาอาการคันรอบทวาร แต่หากใครที่ไม่ไม่สะดวกใช้ยาชนิดครีมก็สามารถใช้เป็นสเปรย์น้ำแร่สมุนไพรริดสีดวงแทนได้เช่นกัน
  2. การใช้ยาเหน็บ การใช้ยาเหน็บเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นริดสีดวงภายใน หรือผู้ที่ยังไม่มีอาการหนัก ซึ่งวิธีนี้จะทำโดยการสอดขี้ผึ้งขนาดเล็กที่เคลือบตัวยาเอาไว้เข้าไปที่รูทวาร เพื่อให้ตัวยาซึมเข้าไปสู่ผิว ช่วยลดการไหลของเลือด ลดอาการอักเสบต่างๆ
  3. การทานยา การทานยาริดสีดวงสูตรต้นตำหรับยาสมุนไพรโบราณ” อันโดะ” ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรเข้าข้นกว่ายี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า จะช่วยให้สามารถรักษาอาการของริดสีดวงได้จากต้นตอ พร้อมปรับระบบให้ลำไส้และหลอดเลือดให้แข็งแรง ไม่ทำให้กลับมาเป็นริดสีดวงซ้ำอีก
  4. รักษาความสะอาด การรักษาบริเวณของริดสีดวงให้สะอาดอยู่เสมอ จะช่วยลดอาการอับเสบของริดสีดวง และป้องกันการเกิดอาการแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ ลดอาการแสบร้อน นอกจากนี้ยังทำให้ผิวบริเวณทวารหนักรู้สึกสะอาด เย็นสบายขึ้นอีกด้วย
  5. การใช้ยางรัด เป็นการทำหัตถการโดยแพทย์โดยการใช้ยาที่มีขนาดเล็กรัดที่บริเวณฐานของก้อนริดสีดวงทวาร เพื่อทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงที่ก้อนริดสีดวงได้ จนทำให้ก้อนริดสีดวงค่อยๆฝ่อและหลุดออกมา (วิธีนี้จะต้องทำกับริดสีดวงที่มีหัวขนาดใหญ่พอที่จะรัดได้)
  6. การจี้ด้วยไฟฟ้า เป็นการใช้เลเซอร์ หรืออินฟราเรด ยิงไปที่หัวริดสีดวง เพื่อให้หัวริดสีดวงหลุดออกมาโดยที่คนไข้ไม่ต้องทำการผ่าตัด และช่วยลดการเลียเลือด เหมาะกับริดสีดวงที่มีขนาดเล็ก
  7. การผ่าตัดริดสีดวง เป็นการทำโดยศัลยแพทย์เฉพาะทาง โดยการผ่าตัดเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวริดสีดวงเพื่อทำให้เนื้อเยื่อยุบลง ซึ่งเหมาะกับผู้ป่วยริดสีดวงที่มีอาการรุนแรง และหัวริดสีดวงที่ขนาดใหญ่

อ่านต่อเพิ่มเติม : 10 วิธีรักษาริดสีดวงแบบธรรมชาติ ด้วยตัวเอง ให้หายเร็ว โดยไม่ผ่าตัด

โรคฝีคัณฑสูตรและโรคริดสีดวงสามารถป้องกันได้หรือไม่

โรคฝีคัณฑสูตรและโรงริดสีดวง เป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับทวารหนัก ที่สามารถป้องกันและลดโอกาสของการเกิดโรคให้น้องลงได้

โรคฝีคัณฑสูตรเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ ดังนี้

  1. เลือกรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง และดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน
  2. หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อช่วยให้ระบบย่อยของลำไส้และระบบการขับถ่ายทำงานได้ดี
  3. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลาเพื่อเลี่ยงอาการท้องผูก
  4. หลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น

โรคริดสีดวงสามารถป้องกันได้ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการยกของหนัก
  2. เลือกรับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำมากๆอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้วขึ้นไป
  3. ออกกำลังกายเบาๆให้ละไส้มีการเคลื่อนไหว (หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่ง )
  4. การขับถ่ายให้เป็นเวลา และไม่นั่งแช่ในห้องน้ำนานๆ

ระยะเวลาที่ใช้ในการรักษาฝีคัณฑสูตรกับริดสีดวง

โดยปกติแล้วริดสีดวงทวารเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้เอง ระยะเวลาการรักษาจะขึ้อยู่กับความรุนแรงของโรค ซึ่งโดยส่วนมากจะเริ่มเห็นผลการรักษาใน 7-10 วัน และหากเป็นการรักษาด้วยการผ่าตัด แผลจะหายเป็นปกติภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน แต่ฝีคัณฑสูตรเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ และหลังการผ่าตัดอาจใช้เวลาถึง 3 เดือน กว่าแผลจะหายได้สนิท

สรุป

ทั้งหมดนี้เป็นอาการความแตกต่างของฝีคัณฑสูตรและริดสีดวง ที่จะทำให้ผู้ป่วยสามารถแยกประเภทของการรักษาได้อย่างถูกต้อง แต่สำหรับใรที่ยังไม่แน่ใจ หรือเกิดความกังวลใจกลัวรักษาไม่ถูกต้องตามอาการ แนะนำให้พบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยอย่างแม่นยำอีกครั้ง

Similar Posts