ยารักษาริดสีดวง อันโดะ รักษาได้ทุกระยะ หายขาดได้ แบบไม่ต้องผ่าตัด

แคปซูล ยารักษาริดสีดวง จากสมุนไพรยาแผนโบราณ ผ่านการรับรอง อย. ปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ควบคุมมาตรฐานการปรุงยาสมุนไพร โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ

ยารักษาริดสีดวง

มีใครเป็นแบบนี้บ้าง ชอบใช้เวลาในห้องน้ำนานๆ ชอบนั่งอ่านหนังสือ หรือ นั่งเล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำเวลาขับถ่าย ถึงแม้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้จะดูเป็นพฤติกรรมที่ไม่ได้ดูผิดปกติ และ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้มีอันตรายร้ายแรง แต่ทราบหรือไม่ว่า หากทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อยๆเป็นประจำจะทำให้เสี่ยงต่อการเกิดโรคริดสีดวง ที่จะสร้างปัญหาสุขภาพและความลำบากต่อการใช้ชีวิตให้กับคุณได้ในอนาคต

ยาริดสีดวงคืออะไร

ยาริดสีดวง คืออะไร

ยารักษาริดสีดวง คือ ตัวยาที่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ผ่านกระบวนการวิจัยและผลิตที่ได้มาตรฐาน ซึ่งมีสรรพคุณ ในการช่วยบรรเทา คลอบคลุมตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปลายอาการของโรค เช่น ลดอาการอักเสบ ลดการระคายเคือง ช่วยให้ติ่งริดสีดวงยุบตัวลง สมานแผล ฆ่าเชื้อ และหยุดเลือด อาการต่างๆของโรคริดสีดวงค่อยๆดีขึ้น และ หายขาดไปในที่สุดโดยไม่ต้องไปพบแพทย์ หรือ ไม่ต้องทำการผ่าตัด ซึ่งยารักษาริดสีดวงนี้สามารถแบ่งออกได้หลายประเภทททั้งยากิน ยาสอด ยาทา ที่สามารถเลือกได้ตามความเหมาะสม

ยาริดสีดวง ช่วยรักษาและแก้อาการอะไรบ้าง

  • ช่วยห้ามเลือด สมานแผล และฆ่าเชื้อ ใช้ได้ทั้งริดสีดวงทวารหนักชนิดมีหัวและไม่มีหัว
  • ลดความผิดปกติของหลอดเลือด ช่วยให้เลือดบริเวรที่มีอาการริดสีดวงทวารหนักหยุดไหล
  • ด้วยกลไกธรรมชาติจากส่วนผสมสมุนไพรเกรดพรีเมี่ยม สามารถช่วยลดอาการอักเสบ ปวด บวม
  • ตัวยาสมุนไพรสำคัญหลายชนิดที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อริดสีดวงโดยเฉพาะ ช่วยทำให้ขนาดของติ่งเนื้อ ค่อยๆลดลง จนหายเป็นปกติทำให้หัวริดสีดวงฝ่อ ยุบตัวลงโดยไม่ต้องผ่าตัด
  • ช่วยปรับสมดุลลำไส้ทั้งระบบ โดยเฉพาะ การขับถ่าย กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ทำให้อุจจาระไม่เป็นก้อนแข็ง ช่วยลดความเจ็บในระหว่างการถ่ายอุจจาระ
  • ช่วยในเรื่องของการล้างสารพิษ(ดีท็อกซ์) ลดการสะสมของสารพิษที่ตกค้างในลำไส้
  • ลดความเสี่ยงของการเป็นริดสีดวงแบบเรื้อรัง เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้

ยารักษาริดสีดวง เหมาะกับผู้ป่วยระยะไหน

ยาริดสีดวงเหมาะกับการใช้รักษาผู้ป่วยในทุกระยะ ทุกประเภท ทั้งผู้ป่วยริดสีดวงแบบ ริดสีดวงภายใน (Internal Hemorrhoids) และ ริดสีดวงภายนอก (External Hemorrhoids) ในทุกระยะ ตั้งแต่เป็นริดสีดวงระยะเริ่มแรกที่ยังไม่มีหัวโผล่ออกมา และ ไม่ค่อยแสดงอาการ ไปจนผู้ป่วยที่มีอาการมาก มีติ่งเนื้อโผลออกมา มีอาการปวดบวม อักเสบ ขึ้นหัวหนอง มีเลือดไหล หรือ หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ จนไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้ โดยภายหลังการรักษาอาการเหล่านี้จะค่อยๆลดลง อาการอักเสบค่อยๆดีขึ้น เลือดหยุดไหล หัวริดสีดวงฝ่อเล็กลง และ หายสนิทโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่มีผลข้างเคียงภายหลังให้ต้องกังวล

วิธีการรักษาริดสีดวง เบื้องต้น

วิธีการรักษาริดสีดวง เบื้องต้น-ขั้นรุนแรง

การรักษาอาการของริดสีดวงในแต่ละระยะจะมีวิธีรักษาริดสีดวงด้วยตัวเองที่แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับอาการของแต่ละบุคคล ซึ่งวิธีรักษาจะมีตั้งแต่อาการเบื้อต้นไปจนถึงขั้นรุนแรงดังนี้

  • ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยรับประทานอาหารที่มีกากใยมากขึ้น ดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ระวังไม่ให้ท้องผูก เข้าห้องน้ำขับถ่ายให้เป็นเวลา ไม่เล่นมือถือในขณะขับถ่าย ไม่นั่งในห้องน้ำนานๆ และ รักษาความสะอาดรอบรูทวาร อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพฤติกรรมเสี่ยงโรคริดสีดวง ที่นี่
  • ใช้ยาริดสีดวง ตามอาการ หรือ ตามคำแนะนำของเภสัช ทั้งยากิน ยาทา และ ยาสอด เพื่อรักษาให้อาการดีขึ้น
  • นั่งแช่ในน้ำอุ่นอุณหภูมิประมาณ 40 องศาเซลเซียส เพื่อลดการขยายตัวของหลอดเลือดดำ และ ลดการอักเสบ ระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที (แนะนำให้ทำทั้งก่อนและหลังการขับถ่าย)
  • หากผู้ป่วยมีอาการตัวซีด แนะนำให้ปรึกษาเภสัชเพื่อใช้ยาบำรุงเลือดเสริมธาตุเหล็ก
  • หากพบว่ามีหัวริดสีดวงหลุดออกมาภายนอก แนะนำให้ใส่ถุงมือ และ ใช้ปลายนิ้วดันหัวกลับเข้าไป
  • หากมีเลือดออกติดต่อกัน หรือ เป็นๆหายๆบ่อย กว่า 1 สัปดาห์ และ สงสัยว่าจะมีโรคอื่นร่วมด้วย แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอย่างละเอียด

หากมีอาการมากกว่าที่กล่าวมาอาจพิจารณารักษาด้วยวิธีต่อไปนี้

  • การใช้ยางรัดริดสีดวง โดยแพทย์จะใช้หนังยางรัดติ่งที่ยื่นออกมา เพื่อทำให้หัวริดสีดวงยุบตัว และ หลุดออกเองตามธรรมชาติ เป็นวิธีสำหรับผู้ป่วยที่มีริดสีดวงภายในที่ยื่นออกมา โดยมีขนาดของหัวเหมาะสมในการรัด
  • การฉีดยา โดยแพทย์จะทำการฉีดยาเข้าไปในชั้นใต้เยื่อบุ ระดับเหนือหูรูดทวารหนัก เพื่อทำให้เกิดพังผืดรัดเส้นเลือด แต่แพทย์จะไม่ฉีดสารเคมีเข้าริดสีดวงโดยตรง เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการปวดท้องและแน่นหน้าอกได้
  • การจี้ริดสีดวง เป็นการใช้เครื่องจี้ไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า “อินฟาเรด” ทำการจี้ที่หัวริดสีดวง เพื่อให้หัวของริดสีดวงฝ่อและหลุดออกมา
  • การผ่าตัดรักษาริดสีดวง แพทย์จะทำการผ่าตัดเพื่อเย็บ หรือ ผูกหัวริดสีดวง เพื่อทำให้ติ่งเนื้อกลับเข้าไปในลำไส้ โดยวิธีนี้จะนิยมใช้กับผู้ป่วยในระยะที่ 3-4 หรือผู้ป่วยที่มีติ่งเนื้อจะมีขนาดใหญ่ ที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่เห็นผล

ยารักษาริดสีดวง มีกี่ประเภท เลือกใช้แบบไหนดี

การเลือกใช้ยาริดสีดวงควรเลือกให้เหมาะกับประเภทและ ระยะอาการที่เป็น โดยประเภทของยาริดสีดวงที่นิยมใช้หลักๆ จะมี 4 แบบ คือ ยาทาแก้ริดสีดวง ยาสอดรักษาริดสีดวง ยากินรักษาริดสีดวง และ สเปรย์พ่นรักษาริดสีดวง ซึ่งในการใช้ยารักษาริดสีดวงอาจจะต้องมีการใช้ยาหลายแบบร่วมมากกว่า 1-2 แบบขึ้นไป เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่รวดเร็วและชัดเจน

ยารักษาริดสีดวง แบบทา

ยาทาแก้ริดสีดวง

เป็นตัวยาที่ใช้สำหรับรักษาริดสีดวงภายนอก ระยะเริ่มต้น โดยตัวยาจะมีลักษณะเป็นเนื้อครีม เป็นยาทาชนิดขี้ผึ้ง มีส่วนผสมของตัวยาได้แก้ สเตียรอยด์ชนิดอ่อน Hydrocortisone เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ และ ตัวยาชาเฉพาะที่ Cinchocaine Hydrochloride เพื่อลดอาการเจ็บแสบของริดสีดวง และ Zinc oxide เพื่อช่วยสมานหลอดเลือด โดยใช้ตัวยาทาที่หัวของริดสีดวงหรือติ่งโพล่ออกมา เพื่อช่วยสมานหลอดเลือด และ ฆ่าเชื้อแบคทีเรียรอบๆ ทวาร นอกจากนี้บางคนยังนำไปใช้กับริดสีดวงภายในอีกด้วย แต่ต้องใช้ต่ออุปกรณ์เสริม ในการสวมปลายหลอดยา และต้องให้ความสำคัญเรื่องความสะอาดในการใช้เป็นพิเศษแล้วจึงสอดเข้าไปในรูทวาร เพื่อบีบยาเข้าไปรักษาริดสีดวงที่อยู่ด้านใน

ยาริดสีดวงแบบเหน็บ

ยาสอดรักษาริดสีดวง

เป็นตัวยาที่มีรูปร่างคลายหลอดกระสวยเล็กๆ มีลักษณะนิ่มๆ ใช้รักษาริดสีดวงภายใน ด้วยการสอดเข้าไปได้ลึกแล้วตัวยาจะค่อยๆละลาย เพื่อให้ตัวยาเข้าไปช่วยสมานหลอดเลือดดำ ลดการอักเสบ ลดอาการแสบริดสีดวง และ ลดอาการเจ็บบริเวณด้านในได้ดีกว่าแบบทา สามารถรักษาอาการริดสีดวงได้ตั้งแต่ระยะที่ 1-3 และ ระยะที่ 4 สำหรับบางคน (แต่จะต้องใช้ยารักษาริดสีดวงชนิดอื่นๆร่วมด้วย) ซึ่งตัวยาชนิดนี้มีอีกชื่อคือยาเหน็บริดสีดวง

ยากินรักษาริดสีดวง

ถือเป็นการรักษาหลักที่แก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุจนถึงปลายเหตุของโรค เป็นตัวยาที่รักษาครอบคลุมอาการริดสีดวงได้ทั้งภายในและภายนอก ตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงระยะที่ 4 โดยตัวยาจะประกอบไปด้วยสมุนไพรหลายชนิดที่มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการต่างๆของโรคริดสีดวง โดยตัวยาทั้งหมดจะถูกบรรจุอยู่ในรูปแบบแคปซูลสมุนไพร ซึ่งจะมีคุณสมบัติช่วยสมานหลอดเลือด ลดการอักเสบของหลอดเลือดดำ ช่วยให้ติ่งเนื้อยุบฝ่อตัว ลดการบวมอักเสบ ช่วยให้เลือดหยุดไหล และ ช่วยในการปรับระบบการขับถ่าย ไม่ให้อุจจาระเป็นก้อนแข็ง รวมไปถึงการปรับสมดุลระบบลำไส้อีกด้วย

สเปรย์รักษาริดสีดวง

สเปรย์พ่นรักษาริดสีดวง

สเปรย์พ่นรักษาริดสีดวง เป็นอีกหนึ่งตัวยาที่ใช้สำหรับภายนอก โดยน้ำแร่จะมีส่วนผสมสมุนไพรที่ช่วยบรรเทาริดสีดวง ลดการอักเสบ ปวด บวมรอบทวาร ฆ่าเชื้อ ลดอาการ บวมเเดง ช่วยสมานให้แผลเเห้งเร็วมากขึ้น ช่วยให้หัวฝ่อ ติ่งยุบ ลดการเสียดสีของบาดเเผล และ ลดการระคายเคืองที่เกิดขึ้นบริเวณทวาร ในขณะเดิน หรือ นั่ง ระหว่างวัน

หลักการทำงานของยารักษาริดสีดวง

  • ตัวยาจะเข้าไปบรรเทาอาการ และ รักษาโรคริดสีดวงทั้งภายใน และ ภายนอก
  • ลดการอักเสบกับเสบของหลอดเสือดดำที่มีการโป่งพอง ทำให้หลอดเลือดทำแข็งแรงขึ้น ทำให้เลือดหยุดไหลในขณะขับถ่าย
  • เข้าไปขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ ช่วยทำให้ลำไส้มีความสะอาดมากขึ้น สามารถดูดซึมกากไย และไฟเบอร์มากขึ้น
  • ช่วยกระตุ้นระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก อุจจาระเป็นก้อนแข็ง ลดการบาดเจ็บของรูทวาร
  • เข้าไปช่วยสมานแผล ลดการอักเสบ ติดเชื้อ และช่วยทำให้หัวริดสีดวงฝ่อลง
  • เข้าไปขับลม ช่วยระบาย ช่วยย่อย ลดอาการคัน ระคายเคืองบริเวณทวารหนัก ขับถ่ายสะดวก ป้องกันการเกิดริดสีดวงจากภาวะท้องผูก

วิธีการเลือกยารักษาริดสีดวง มีอะไรบ้าง

  • เลือกยารักษาริดสีดวงที่ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อ.ย. มีการขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้อง
  • มีความน่าเชื่อถือ ต้องมีข้อมูลการรีวิวผลการรักษาจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าสามารถรักษาได้อย่างเห็นผล
  • เลือกตัวยาที่มีวางจำหน่ายในร้านขายยาชั้นนำ เพราะ ร้านขายยาชั้นนำจะมีการเลือกสรรตัวยาที่มีคุณภาพเสมอ
  • เลือกตัวยาให้เหมาะสมกับอาการ ภายใต้คำแนะนำจากเภสัช หรือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  • เลือกตัวยาที่มีราคาสมเหตุสมผล เพราะส่วนผสมบางชนิด ที่ต้องคัดสรรมาเป็นพิเศษจึงทำให้ขายในราคาที่ถูกมากไม่ได้
  • ต้องมีข้อมูลของตัวยา ส่วนประกอบ และ รายละเอียดต่างๆ อยู่ในแหล่งข้อมูลที่สามารถค้าหาได้
  • เลือกตัวยาที่มีแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำอย่างต่อเนื่อง
  • ตัวยาสมุนไพรต้องมีความน่าเชื่อถือ เป็นที่ยอมรับในการรักษาโรคริดสีดวงได้จริงในแวดวงการแพทย์
  • ตัวยาต้องมีประสิทธิภาพในการรักษา

สำหรับผลิตภัณฑ์ยารักษาริดสีดวงของอันโดะ ผ่านการตรวจสอบ GMP หมายเลขใบอนุญาต/อย.เลขที่ G250/66

ส่วนประกอบสำคัญของยารักษาริดสีดวง มีอะไรบ้าง

สมุนไพรรักษาริดสีดวงมีคุณสมบัติที่ใช้ในการรักษาอาการของโรคริดสีดวงได้ดี และนิยมนำมาเป็นส่วนผสมของยาริดสีดวง มีด้วยกัน 5 ชนิด หลักๆ คือ

  1. เพชรสังฆาต มีฤกธิ์ในการรักษาโรคริดสีดวงทวาร ทั้งภายนอกและภายใน ช่วยแก้ริดสีดวงทวารทั้งชนิดกลีบมะไฟ และ เดือยไก่ ได้เป็นอย่างดี
  2. ใบมะกา มีสรรพคุณขึ้นชื่อเรื่องการช่วยปรับระบบย่อยให้ทำงานได้ดีขึ้น และ ช่วยให้ระบายได้ดี
  3. โกฐกักกรา ช่วยขับลมในลำไส้ ช่วยหยุดเลือด มีฤทธิ์ทำให้ชาเฉพาะที่ ช่วยลดอาการปวด และ ลดการอักเสบได้ดี บรรเทาอาการริดสีดวงทวาร
  4. ใบมะขามแขก แก้อาการท้องผูก มีฤกธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ และ ช่วยไม่ให้อุจจาระเป็นก้อนแข็ง
  5. อัคคีทวาร ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับลมในลำไส้ช่วยให้หัวริดสีดวงยุบ ฝ่อ แห้งลง
  6. สมอไทยช่วยในเรื่องระบาย ชำระล้างเมือกมันในลำไส้ ขับลมในสำไส้ ระบายอ่อนๆ

ยารักษาริดสีดวง หายขาด ได้จริงไหม?

ยารักษาริดสีดวง สามารถรักษาให้หายขาดจริง ถ้าใช้ยาเหมาะสมตรงตามอาการที่เป็น ตามคำแนะนำได้จาก แพทย์ หรือเภสัช ร่วมกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆที่อาจทำให้มีอาการของโรคได้ โดยเฉพาะการเบ่งอุจจาระแรงๆ และ การนั่งถ่ายอุจจาระนานๆ จากการนั่งเล่นโทรศัพท์ หรือ อ่านหนังสือในขณะขับถ่าย การรักษาที่ได้ผลที่สุด คือการผสมผสานทั้งการใช้ยา การปรับพฤติกรรม และการรักษาด้วยวิธีอื่นๆ อย่างเหมาะสม พร้อมทั้งติดตามอาการกับแพทย์ หรือ ผู้เชี่ยวชาญอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยควบคุมโรคริดสีดวงได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด

กินยาริดสีดวง กี่วันถึงจะหาย?

โดยปกติแล้วการทานยา อาการริดสีดวงจะค่อยๆดีขึ้นภายใน 7 – 10 วัน แนะนำให้ทำร่วมกับ การนั่งแช่ในน้ำอุ่นวันละ 2 – 3 ครั้ง / ครั้งละ 10-15 นาที ทั้งนี้การใช้ยาอย่างถูกต้องและสม่ำเสมอ ต้องรับประทานยาตรงเวลา ครบขนาด และต่อเนื่องจนครบระยะเวลาที่แพทย์สั่ง มิเช่นนั้นจะทำให้ริดสีดวงหายช้าหรือกำเริบซ้ำได้ ควรปรับพฤติกรรมควบคู่กับการกินยา เช่น งดอาหารที่ระคายเคือง ดื่มน้ำมากๆ รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ขับถ่ายเมื่อปวดอุจจาระ ไม่เบ่ง จะช่วยเสริมฤทธิ์การรักษาของยาให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้นควรทานยาควบคู่ไปกับการปรับวิถีชีวิต และพบแพทย์ หรือ ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญตามนัด เพื่อติดตามการรักษาจนกว่าจะมั่นใจว่าหายดีแล้ว ไม่ควรหยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ เพราะอาจทำให้ริดสีดวงกำเริบและรักษายากยิ่งขึ้น

ใครบ้างที่ไม่ควรใช้ยารักษาริดสีดวง

  • สตรีมีครรภ์ และ กำลังให้นมบุตร
  • ผู้ที่แพ้สาร Flavonoid ที่มีอยู่ในส่วนผสมของ ยาชนิดกิน ยาทา และ ยาสอด (หรือยาเหน็บ)
  • ผู้ที่เคยที่ประวัติการการแพ้สมุนไพรมาก่อน
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวเช่น โรคตับ โรคไต
  • ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs, ยาปฏิชีวนะ, ยาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์
  • ผู้ที่กำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด (anticoagulants) หรือยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือด (antiplatelets) เช่น aspirin, warfarin เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อเลือดออกผิดปกติ
  • ผู้ที่สงสัยว่าอาการถ่ายเป็นเลือดอาจเกิดจากสาเหตุร้ายแรงอื่นๆ เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคลำไส้อักเสบ กระเพาะหรือลำไส้ทะลุ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัดก่อน
  • ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวหลายอย่าง ทานยาหลายขนาน และมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน ควรใช้ยาแก้ริดสีดวงอย่างระมัดระวังและอยู่ในความดูแลของแพทย์
    คนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ได้รับเคมีบำบัด รังสีรักษา หรือทานยากดภูมิคุ้มกัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาแก้ริดสีดวง เพราะอาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อแทรกซ้อน

ดังนั้น การเลือกใช้ยารักษาริดสีดวงจึงต้องคำนึงถึงปัจจัยเสี่ยง ข้อห้ามใช้ และความเหมาะสมเป็นรายบุคคล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดและมีความปลอดภัยต่อผู้ป่วย

ยารักษาริดสีดวง ผู้หญิงตั้งครรภ์ ใช้ได้ไหม?

ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ หรือ อยู่ในภาวะกำลังให้นมบุตรแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานยาริดสีดวง แต่ สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาทา ยาเหน็บ และ สเปรย์รักษาริดสีดวงแทน

อ่านบทความเพิ่มเติม : คนท้องเป็นริดสีดวง รักษายังไง? มีวิธีปฏิบัติตัวอย่างไร

วิธีใช้ยารักษาริดสีดวง อย่างไรให้ได้ผลดี

  1. ทานยาก่อนอาหารประมาณ 15-30 นาที
  2. รับประทานพร้อมน้ำอุ่น เพื่อช่วยให้ยาออกฤกธิ์ได้เร็วขึ้น
  3. หากทานยาหลายชนิด ให้ทานสลับมื้อ ยา 1 = เช้า เย็น ยา 2 เที่ยง ก่อนนอน
  4. ทานต่อเนื่อง 3 เดือนขึ้นไปเพื่อผลการรักษาที่ชัดเจน
  5. หากรักษาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่เดือนแรก

ข้อควรระวังในการใช้ยารักษาริดสีดวง มีอะไรบ้าง?

  1. ทานยาตามคำแนะนำของเภสัชหรือตามคำแนะนำที่อยู่บนฉลากยา เพื่อการเห็นผลลัพธ์ที่ดีและป้องกันการใช้ยาเกินขนาด
  2. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาริดสีดวงในขณะที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
  3. หลังการใช้ยาหากมีอาการคลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ มีผื่นขึ้นให้หยุดใช้ยาทันที และ ไปพบแพทย์
  4. ควรระวังการแพ้สารบางชนิด ที่มีส่วนผสมในยาชนิดกิน ยาเหน็บ และ ยาทา เช่น Flavonoid
  5. ระวังไม่ให้มีอาการท้องผูกระหว่างการรักษา เพราะอาจทำให้เส้นเลือดโป่งพองขึ้นมาอีกได้

การดูแลตัวเองสำหรับผู้เป็นริดสีดวง

นอกจากการใช้ยารักษาริดสีดวงแล้ว หากอยากให้ได้การรักษามีประสิทธิผลดีเร็วยิ่งขึ้น เห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากขึ้น เราควรที่จะดูแลตัวเองในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ร่วมด้วย

  • งดการทานอาหารแสลงทุกชนิด เช่น ของหมักดองทุกชนิด อาหารที่มีรสจัด เครื่องในสัตว์ทุกชนิด หน่อไม้ อาหารทะเล และ รวมถึงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ด้วย
  • ไม่กลั้นอุจจาระ เพื่อเป็นการปรับระบบการขับถ่ายให้ดีขึ้น และ ลดอาการท้องผูกควรขับถ่ายให้เป็นเวลา
  • เลี่ยงการเบ่งหรือถ่ายแรงๆ รวมไปถึงการนั่งถ่ายในระยะเวลลานานๆ ควรงดการอ่านหรือเล่นโทรศัพท์ในขณะการถ่ายหนัก
  • รักษาความสะอาดบริเวณแผลให้สะอาด เพื่อลดการอักเสบหรือการติดเชื้อที่แผล
    -หาก มีอาการปวดหรืออักเสบของริดสีดวง แนะนำให้แช่สมุนไพรหรือน้ำอุ่นจัดเพื่อลดการอักเสบ อย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน
  • สำหรับผู้ที่มีการระคายเคือง แนะนะให้ใช้สเปรย์รักษาริดสีดวง ฉีดเพื่อลดอาการระหว่างวัน
  • งดการสวมใส่กางเกงที่รัดแน่นจนเกิดไปเพื่อลดการเสียดสีของปาดแผลจากการเดิน หรือการนั่ง

ยารักษาริดสีดวง ราคาเท่าไหร่?

สำหรับยารักษาโรคริดสีดวงในท้องตลาดนั้นจะเห็นได้ว่ามีมากมายหลายยี่ห้อ ซึ่งจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไป ตั้งแต่หลักร้อย จนถึงหลักพัน ขึ้นอยู่กับสรรพคุณและส่วนผสมในตัวยา แต่เมื่อเทียบกับการที่ต้องไปผ่าตัดเพื่อทำการรักษา ถือว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าและน่าลอง

ความรู้เกี่ยวกับโรคและยาริดสีดวง