4 สัญญาณบอก ริดสีดวง อาการเริ่มแรกเป็นอย่างไร รู้เร็วรักษาหายง่าย

ข้อสังเกต-ริดสีดวง เริ่มต้น

ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids) ถือเป็นโรคยอดฮิตของทุกเพศทุกวัยอีกโรคหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในปัจจุบัน แต่ก็ยังมีหลายคนที่เข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับลักษณะอาการของโรคอยู่มาก จนทำให้บางครั้งคนไข้อาจจะพลาดการรักษาในระยะเริ่มต้น พอมารู้ตัวอีกทีก็มักจะมีอาการรุนแรงในระยะที่ 3-4 ซึ่งเป็นระยะที่รักษาได้ยากและต้องในเวลาในการรักษาที่นาน ในบทความนี้เราจึงรวบรวมข้อสังเกตของอาการริดสีดวงในระยะเริ่มแรก ไปจนถึงระยะที่รุนแรงว่ามีอาการอะไรบ้างที่กำลังบ่งชี้ว่าคุณเป็นโรคริดสีดวง เพื่อให้รู้ตัวและทำการรักษาได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะมีอาการลุกลาม ซึ่งอาการเริ่มแรกที่จะบ่งบอกถึงว่าโรคริดสีดวงมีดังนี้

1. มีเลือดปนมากับอุจาระหรือกระดาษชำระ

มีเลือดปนมากับอุจาระ

เนื่องจากริดสีดวงเกิดจากหลอดเลือดดำที่ปลายทวารหนักมีอาการบวม โปล่งพอง จึงทำให้เส้นเลือดมีความเปาะบางเป็นพิเศษ เมื่ออุจจาระมีลักษณะแข็งจึงทำให้เกิดการเสียดสี หรือหากมีการเบ่งอุจจาระแรงๆเส้นเลือดก็อาจจะมีการแตกตัว จนทำให้มีเลือดสดหรือมูกเลือดไหลออกมาพร้อมกับการถ่ายอุจจาระ ทำให้เห็นเลือดติดมากับกระดาษชำระ ซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกเจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้ โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับริดสีดวงในระยะที่มีหัวโผล่ออกมา และไม่มีหัวริดสีดวง อาจจะพบได้ตั้งแต่ริดสีดวงในระยะเริ่มต้น

อ่านบทความเพิ่มเติม : ถ่ายเป็นเลือด นอกจากริดสีดวง เสี่ยงโรคอะไรบ้าง มีวิธีสังเกตและรักษาอย่างไร?

2. มีอาการคันบริเวณปากทวาร

อาการคันริดสีดวง

บางคนเป็นริดสีดวงแล้วอาจมีอาการคันบริเวณรอบปากทวารหนัก เนื่องจากมีแผลที่เกิดจากการเสียดสีในขณะขับถ่าย หรือเกิดการเสียดสีจากการทำกิจวัตรประจำวัน รวมไปถึงมีอาการคันจากการมีติ่งเนื้อโผล่ออกจากบริเวณทวารหนัก จนทำให้มีอาการอักเสบ ติดเชื้อ บวมที่บริเวณทวารหนัก และทำให้การระคายเคืองผิวหนังบริเวณรอบทวาร ซึ่งผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการเจ็บแสบร่วมด้วย ซึ่งอาการนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากการขับถ่ายเสร็จใหม่ๆ

3. มีก้อนเนื้อโผล่ออกมาจากทวาร เจ็บหรือไม่เจ็บก็ได้

มีก้อนเนื้อหรือติ่ง

เนื่องจากหลอดเลือดมีการโปร่งพอที่ปลายทวารหนัก จนทำให้มีก้อนเนื้อยื่นโผล่อออกจากรูทาวรหนัก ซึ่งอาการเหล่านี้มักเกิดขึ้นเมื่ออยู่ในระยะที่ 2-4 โดยในช่วงแรกก้อนเนื้ออาจจะยังมีขนาดเล็ก จึงสามารถหดกลับเข้าไปเองได้ (ริดสีดวงระยะที่ 2) แต่เมื่อริดสีดวงมีการพัฒนาก้อนเนื้อจะมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นจนไม่สามารถหดกลับเข้าไปได้เอง จึงต้องใช้นิ้วช่วยดันให้หดกลับเข้าไป ซึ่งเราเรียกว่าริดสีดวงระยะที่ 3 และหากยังไม่รีบทำการรักษาขนาดของติ่งริดสีดวงก็มีโอกาสที่จะขยายใหญ่ขึ้น จนไม่สามารถดันกลับเข้าไปได้อีกเลย เป็นอาการของโรคริดสีดวงทวารในระยะที่ 4

4. อาการบวมบริเวณทหวารหนัก

อาการบวมและอักเสบของริดสีดวง

โรคริดสีดวงทวารมักเกิดจากการมีแรงดันในเส้นเลือดปริมาณที่มากผิดปกติ จนส่งผลทำให้ทวารหนักจนมีอาการบวม และอาจรู้สึกหน่วงๆที่รูทวารรวมไปถึงเนื้อเยื่อเกี่ยวพันรอบหลอดเลือดบวมโผล่ออกมานอกทวารหนัก อาจทำให้รู้สึกเจ็บปวดทรมานโดยเฉพาะเวลาขับถ่าย ซึ่งอาการบวมของริดสีดวงมักมีสาเหตุหลายประการ เช่นเกิดจากการนั่งถ่ายอุจจาระนาน การเบ่งอุจจาระแรง การยกของหนักเป็นประจำ มีอาการท้องผูก หรือมีอาการท้องเสียเรื้อรัง ไปจนถึงการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก และหากมีอาการบวมมากๆอาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันได้ และหากมีการปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รีบทำการรักษาอาจจะให้ริดสีดวงอักเสบเป็นหนอง จนมีอาการเปียกชื้นที่ทวารหนักและส่งกลิ่นเหม็นได้

แนวทางการรักษาริดสีดวงในกลุ่มผู้ป่วยอาการเริ่มต้น

แนวทางการรักษาริดสีดวงในกลุ่มผู้ป่วยอาการเริ่มต้น

โรคริดสีดวงทวารฟังแล้วดูเหมือนอาจจะไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร จึงทำให้หลายคนเกิดความชะล่าใจ หรือหลายคนอาจคิดว่าเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และดูเหมือนจะรักษาได้ยาก แต่จริงๆแล้วริดสีดวงทวารเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ตัวตังเอง หากมีการปรับเปลี่ยนเลิกพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ และรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้นได้อย่างถูกวิธีดังนี้

  • ไม่นั่งถ่ายเป็นเวลาๆนาน และไม่เบ่งอุจจาระแรงๆ เพราะอาจทำให้เสี่ยงที่ติ่งริดสีดวงจะโผล่ออกมา
  • ไม่รับประทานยาระบายแบบพร่ำเพื่อ เพราะจำทำให้ระบบขับถ่ายมีปัญหา
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยสูงและดื่มน้ำให้มากขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น
  • นั่งแช่ในน้ำอุ่น เมื่อรู้สึกปวด บวม ที่รูทวาร เพื่อลดการอักเสบ ประมาณ 10-15 นาที
  • ทานยาสมุนไพรริดสีดวง เพื่อช่วยรักษาอาการของโรคริดสีดวง และช่วยให้หัวริดสีดวงยุบไวขึ้น
  • รักษารวามสะอาดบริเวณทวารหนักเป็นพิเศษ ด้วยสบู่ฆ่าเชื้อสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และเช็ดให้ก้นแห้งอยู่เสมอ
  • ทายาริดสีดวงชนิดครีม หรือใช้สเปย์พ่นริดสีดวง เพื่อลดการระคายเคืองในระหว่างวัน
  • สำหรับบางคนอาจจะมีการใช้ยาเหน็บ หรือยาสอด เพื่อรักษาริดสีดวงภายในและภายนอกร่วมด้วย
  • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่แข็ง เพราะอาจจะทำให้เกิดบาดแผลที่รูทวารหนักได้

อ่านบทความเพิ่มเติม : 10 วิธีรักษาริดสีดวงแบบธรรมชาติ ด้วยตัวเอง ให้หายเร็ว โดยไม่ผ่าตัด

อันตรายหากปล่อยไว้ไม่รีบรักษา

ถึงแม้ว่าโรคริดสีดวงไม่ได้มีอันตรายในระยะเริ่มต้น แต่ริดสีดวงเป็นโรคที่สามารถพัฒนาอาการและความรุนแรงของโรคได้หากไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ซึ่งระดับความรุนแรงและความเจ็บปวดของโรคจะค่อยๆเพิ่มขึ้นตามระยะของโรค จนอาจทำให้ริดสีดวงกลายเป็นริดสีดวงหัวเลือด(ซึ่งเป็นระยะสุดท้ายของริดสีดวง) ซึ่งสามารถรักษาได้ยากก่อนจะแตกจนมีเลือดหรือน้ำหนองไหลออกมา จนนำไปสู่การติดเชื้อ ทำให้หัวริดสีดวงจะเน่าตายจากการขาดเลือด หรือหากมีเลือดไหลปริมาณมาก ก็อาจจะทำให้มีอาการหน้ามืดเป็นลมหมดสติ ไปจนถึงช็อคเสียชีวิตได้

อ่านบทความเพิ่มเติม : ริดสีดวงอันตรายไหม อ่านที่นี่

ภาวะแทรกซ้อนจากการรักษาริดสีดวงทวารผิดวิธี

ภาวะรูทวารตีบ เป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบได้จากการรักษาโรคริดสีดวงทวารผิดวิธี ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้สูงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ของผู้ป่วยโรคริดสีดวงทวาร ที่ใช้วิธีการรักษา เช่น การรับประทานยา ทายา หรือฉีดยาที่ไม่เหมาะสม จนทำให้เกิดการอักเสบ ติดเชื้อที่รุนแรง ริดสีดวงแตกเป็นแผลเน่าบริเวณรอบรูทวาร จนเกิดเป็นเนื้อตาย ทำให้ร่างกายต้องสร้างพังผืดขึ้นมาเพื่อซ่อมแซมรักษา จนทำให้รูทวารตีบแคบลงและทำให้เกิดความทุกข์ทรมานเวลาขับถ่าย

สรุป

เช็คอาการต่างๆแล้วเป็นอย่างไรกันบ้าง สำหรับใครที่มีอาการของริดสีดวงข้างต้นที่ได้กล่าวไปนั้น แนะนำว่าควรรีบทำการรักษาตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น เพราะเป็นระยะที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ง่ายด้วยตัวเอง ใช้ระยะเวลาในการรักษาที่น้อย และสามารถเห็นผลได้รวดเร็วกว่าการรักษาริดสีดวงที่อยู่ในระยะที่ 3-4 แต่สำหรับใครที่เช็คแล้วมีอาการคล้ายคลึงกัน แต่ยังไม่มั่นใจแนะนำให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วเพื่อตรวจวินิจฉัยเป็นโรคริดสีดวงหรือมีอาการของเนื้องอกบริเวณลำไส้กันแน่ เนื่องจากสองโรคนี้มีอาการคล้ายกันมากจนบางครั้งก็แยกไม่ออกกันเลยทีเดียว


อ้างอิง

“ริดสีดวงทวารหนัก” รศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่สิริวัฒน์ ชมรมศัลยแพทย์ล าไส้ใหญ่และทวารหนัก ราชวิทยาลัยศัลยแพทย์แห่งประเทศไทย


Similar Posts