ติ่งริดสีดวง เกิดจากอะไร? หายเองได้ไหม? รักษาด้วยวิธีไหนดี

ติ่งริดสีดวงหรือที่หลายๆคนรู้จักกันในรูปแบบของ ก้อนเนื้อ หรือ ติ่งเนื้อ ที่โผล่ออกมาจากรูทวาร ซึ่งเกิดมาจากการที่เส้นเลือดส่วนปลายของรูทวารโป่งพองแล้วดันออกมาด้านนอก จนทำให้มีติ่งที่รูทวารและมีอาการคัน เจ็บ และอักเสบร่วมด้วย นั้นหมายความว่า คุณเป็นริดสีดวงชนิดภายใน ระยะที่ 3 หรือ 4 แล้ว ซึ่งวันนี้เรามีข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลตัวเองว่าเราจะทํายังไงได้บ้างให้ติ่งริดสีดวงหายอย่างถาวร

ติ่งริดสีดวง คืออะไร? มีลักษณะอย่างไร

ติ่งริดสีดวงคือ ติ่งเนื้อที่รูทวาร ซึ่งอาจจะมีลักษณะเป็นติ่งแข็งๆโผล่และยื่นออกมาภายนอกทวาร โดยติ่งริดสีดวงนี้จะค้างอยู่ที่ปากทวารหนัก อาจจะสามารถดันกลับเข้าไปที่เดิมได้ หรือ ไม่สามารถกลับเข้าไปภายในทวารหนักได้เหมือนเดิมถึงแม้จะใช้นิ้วช่วยดันแล้วก็ตาม ซึ่งการการติ่งริดสีดวงนี้มักพบในคนไข้ที่เป็นริดสีดวงในระยะที่ 2-4 ซึ่งในระยะนี้ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บปวดมาก โดยเฉพาะในตอนที่ติ่งริดสีดวงอักเสบ

ซึ่งชนิดและลักษณะของริดสีดวงทวารสามารถแบ่งออกเป็น 4 ชนิด ได้แก่

  1. ติ่งริดสีดวงกลีบมะไฟ เป็นติ่งเนื้อที่มีขนาดหัวจะเล็กๆ เกิดขึ้นติดๆกันหลายๆหัว มีขนาดหัวเล็กบ้างใหญ่บ้าง
  2. ติ่งริดสีดวงกลีบมะเฟือง เป็นติ่งเนื้อที่มีลักษณะเป็นหัว ที่เกิดติดๆกัน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง มีลักษณะแตกต่างกับติ่งริดสีดวงกลีบมะไฟ คือมีขนาดของหัวที่ใหญ่กว่า และ ยื่นออกมานอกขอบทวารเวลาขับถ่าย
  3. ติ่งริดสีดวงเดือยไก่ เป็นติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นในรูทวาร ลักษณะอาจจะเป็นหัวเดี่ยวหรือมีหลายหัวก็ได้ แต่หัวจะไม่อยู่ติดกัน (ไม่เหมือน ฝีคัณฑสูตร)
  4. ติ่งริดสีดวงบานทะโรค เป็นติ่งเนื้อที่จับกันเป็นก้อน ลักษณะที่เป็นคล้ายฝักบัว หัวจะปลิ้นย้อยออกมานอกขอบทวา และ จะบานออกมาทั้งหมด

ติ่งริดสีดวง เกิดจากสาเหตุใด?

ติ่งริดสีดวง เกิดจากเนื้อเยื่อและกล้ามเนื้อที่จะทำหน้าที่คล้ายเบาะรองบริเวณรูทวาร ที่มีลักษณะยืดหยุ่นมาก ทำหน้าที่คอยรับแรงกระแทกและคอยปิดรูทวารให้สนิท เกิดการตกย้อยลงมาบ่อยๆ จนทำให้เกิดการดันกลุ่มเลือดและเนื้อเยื่อของปากทวารหนักให้เลื่อนลงต่ำ และถูกเบียดออกมาเป็นติ่งเนื้อริดสีดวงนั่นเอง ซึ่งมีสาเหตุหลักๆ ได้แก่

  • มีน้ำหนักตัวมาก ทำให้มีแรงดันในช่องท้องและในอุ้งเชิงกรานเพิ่มสูง ทำให้เกิดเลือดคั่งในเนื้อเยื่อหลอดเลือดได้ รวมถึงการยกของหนักบ่อย ๆ
  • การทานอาหารที่มีกากใยน้อย ทำให้เกิอาการท้องผูกบ่อยๆ ทำให้ต้องออกแรงเบ่งอุจจาระแรงๆเป็นประจำ ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อในหลอดเลือดเกิดการบาดเจ็บ และ หลอดเลือดโป่งพอง หรือหลอดเลือดขอดที่รูทวารได้ง่ายได้
  • มีอาการท้องเสียเรื้อรัง เพราะการขับถ่ายบ่อยๆ จะส่งผลให้เส้นเลือดดำบริเวณทวารหนักเกิดการโป่งพอง และ อักเสบ ได้เพราะใช้งานบริเวณนั้นมากเกินไปทำให้เกิดแรงเบ่งที่เป็นการเพิ่มความดันในลำไส้
  • ชอบเล่นโทรศัพท์มือถือขณะขับถ่าย ทำให้ต้องใช้เวลาถ่ายอุจจาระเป็นเวลานาน นอกจากนี้ยังรวมถึงการ การยืน หรือเดินเป็นเวลานานๆอีกด้วย
  • เกิดจากการชอบใช้ยาสวนอุจจาระ หรือ ยาระบายแบบพร่ำเพรื่อไม่มีสาเหตุ
  • เกิดจากการมีอายุที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มีการเสื่อของกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด และ ของเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดโป่งพองได้ง่ายกว่าปกติ
  • เกิดจากการตั้งครรภ์ ทำให้มีการกดทับบนเนื้อเยื่อหลอดเลือด จากน้ำหนักของครรภ์ จึงทำให้มีอาการเลือดคั่งอยู่ในหลอดเลือด
  • เกิดจากการกด เบียดทับ หรือบาดเจ็บ ต่อเนื้อเยื่อหลอดเลือดเรื้อรัง จากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จนทำให้เกิดเลือดคั่งในหลอดเลือด และทำให้เกิดหลอดเลือดโป่งพองได้ง่าย
  • มีโรคในช่องท้องอื่น ๆ เช่น ก้อนเนื้องอก มะเร็งในท้อง เนื้องอกมดลูก มะเร็งลำไส้ใหญ่ ต่อมลูกหมากโต ตับแข็ง ถุงน้ำรังไข่ ซึ่งหากพบว่ามีเลือดออกนานกว่า 1 สัปดาห์ หรือ เป็นผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปี ควรเข้ารับการวินิจฉัยจากแพทย์

อาการที่มักพบได้เมื่อเกิดติ่งริดสีดวง

สำหรับอาการของโรคริดสีดวง จะมีอาการที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระยะของโรค ซึ่งจะมีอาการหลักๆที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเจอกับปัญหาโรคริดสีดวง ได้แก่

  • มีเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ ในระยะแรก อาจสังเกตได้ว่ามีเลือดติดที่กระดาษชำระหลังการขับถ่าย หรือ มีเคลือบอุจจาระออกมา ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บหรืออาจจะไม่เจ็บก็ได้
  • มีติ่งหรือก้อนโผล่ออกมาจากทวารหนัก เมื่อมีก้อนริดสีดวงโป่งพองโผล่ออกมาขณะอุจจาระ หรืออาจทำให้เกิดอาการเลือดออกขณะหรือหลังถ่ายอุจจาระ อาจทำให้มีอาการคัน ปวด เจ็บ บริเวณที่เป็นริดสีดวง เนื่องจากการเสียดสีระหว่างอุจจาระกับเส้นเลือดที่โป่งพอง
  • มีความผิดปกติในช่องท้อง จนเกิดอาการเจ็บๆ และ มีอาการอักเสบ บวมแดง ที่รูทวรร่วมด้วย
  • หากมีอาการติดเชื้อที่รุนแรง มีอาการอื่นเกิดร่วมด้วย เช่น เวียนหัว มีไข้ หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม เป็นต้น

ติ่งริดสีดวงภายนอก รักษาด้วยวิธีไหนได้บ้าง?

ในปัจจุบันการรักษาติ่งริดสีดวงสามารถทำได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็จะมีข้อดี ข้อเสีย และ การเห็นผลที่ต่างกัน ดังนี้

1. ทายาให้ติ่งริดสีดวงยุบ

ทายาริดสีดวง ด้วยยาทาที่เป็นเนื้อครีม หรือเป็นขี้ผึ้ง ใช้ทาบริเวณทวารหนัก ลดคัน เจ็บ จากริดสีดวงทวาร ใช้ในการรักษาริดสีดวงทวาร แผลบริเวณทวารหนัก ลดเจ็บ ปวด ระบม ช่วยให้เลือดหยุดไหล หัวริดสีดวงฝ่อลง ติ่งเนื้อมีการยุบตัว ช่วยในการหดตัวเส้นเลือดในลำไส้ใหญ่ ควบคุมการไหลเวียนโลหิตและเยียวยาผิวอักเสบและเยื่อเมือก ยาบรรเทาอาการปวดคันที่ใช้ได้ทั้งภายนอกและภายใน สามารถทำให้ติ่งริดสีดวงยุบได้โดยไม่ต้องผ่าตัด

2. ทานยาแก้ติ่งริดสีดวง

เป็นยาสมุนไพรริดสีดวงอันโดะ เป็นยาสมุนไพรที่ผ่านการคัดสรรสมุนไพรตามตำรับยาโบราณ เพื่อใช้ในการรักษาริดสีดวงตั้งแต่ต้นตอ ที่มีความเข้มข้นมากกว่าสมุนไพรยี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า ทำให้เห็นผลชัดเจนเป็นการรักษาที่ต้นเหตุของอาการ ไม่ใช่แค่การบรรเทาอาการ สามารถรักษาริดสีดวงให้หายขาดได้แม้ในระยะที่ 4 มีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ผ่านการควบคุมมาตรฐานการปรุงยาสมุนไพร โดยเภสัชกรแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ
สรรพคุณหลักที่ยาทานแก้ริดสีดวงควรมี ได้แก่

  • ช่วยห้ามเลือด สมานแผล ทั้งริดสีดวงทวารหนักชนิดมีหัวและไม่มีหัว
  • ลดความผิดปกติของหลอดเลือดบริเวรที่มีอาการริดสีดวงทวารหนัก
  • ลดอาการปวด อักเสบ บวม คัน บริเวณที่เป็นริดสีดวง
  • ช่วยให้ติ่งริดสีดวงยุบตัว ฝ่อลง โดยไม่ต้องผ่าตัด
  • กระตุ้นการทำงานของลำไส้ ช่วยให้อุจาระไม่เป็นก้อนแข็ง
  • ลดความเจ็บปวดในขณะการถ่ายอุจจาระ
  • ลดการสะสมสารพิษ ดีท๊อกซ์ลำไส้ ปรับปรุงระบบลำไส้ ลดโอกาสการเป็นมะเร็งลำไส้
  • รักษาโรคริดสีดวงทวาร ทั้งภายนอกและภายใน แก้ริดสีดวงทวารทั้งชนิดกลีบมะไฟและเดือยไก่

3. ใช้สบู่ทำความสะอาดติ่ง

สบู่ทำความสะอาดริดสีดวง อันโดะ มีส่วนผสมของสมุนไพรหลายชนิด เช่น เพชรสังฆาต ใบบัวบก ทองพันชั่ง ฟ้าทะลายโจร ใบหญ้านาง ช่วยจะบรรเทาอาการริดสีดวง บรรเทาตุ่มคัน ตุ่มใส ฝีหนอง ลดการอักเสบ รักษาบาดแผล จากริดสีดวง โดยใช้ทำความสะอาดทุกครั้งหลังการขับถ่าย เป็นสบู่ที่ใช้สำหรับบริเวณที่เป็นริดสีดวงโดยเฉพาะ เพื่อให้แผลสะอาดมากขึ้น ซึ่งผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา แล้วว่าเป็นสูตรโอนโยนต่อผิว ไม่ทำให้เกิดการระคายเคือง

4. ผ่าตัดเอาติ่งออก

การผ่าตัดเอาติ่งริดสีดวงออก เป็นวิธีที่ทำให้หลายๆคนเกิดความกังวล ถึงค่าใช้จ่าย อาการเจ็บปวดหลังการผ่าตัด การดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดที่จะไม่ทำให้รู้ทวารเกิดการตีบตัน ซึ่งการการผ่าตัดเอาติ่งริดสีดวงออกมี 2 แบบด้วยกันคือ

  1. การผ่าตัดแบบธรรมดา (Standard Hemorrhoidectomy) เป็นการตัดหัวริดสีดวงทวารหนักที่ยื่นออกมาทิ้งไปโดยรักษาได้ทั้งชนิดภายใน และภายนอก ซึ่งหลังการผ่าตัดจะไม่เหลือหัวริดสีดวงคนไข้จะคลำเจออีกเลย
  2. การผ่าตัดโดยเครื่องมือเย็บอัตโนมัติ (Staple Haemorrhoidectomy / PPH) เป็นการใช้เครื่องมือชนิดพิเศษที่จะตัดเนื้อเยื่อริดสีดวงส่วนเกินรวมทั้งเย็บแผลในเวลาเดียวกัน โดยการตัดและเย็บจากข้างในรูทวารหนักโดยไม่ต้องใช้มือเย็บ ตำแหน่งที่เย็บนี้จะอยู่ที่ตรงขั้วของริดสีดวงพอดี ทำให้เลือดไปเลี้ยงริดสีดวงไม่ได้ จนทำให้ติ่งริดสีดวงฝ่อ ยุบลงไปเอง ซึ่งการเย็บด้วยเทคนิคนี้อยู่ในตำแหน่งที่สูง ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บ

ผ่าตัดติ่งริดสีดวงพักฟื้นนานไหม?

สำหรับการพักฟื้นหลังผ่าตัดติ่งริดสีดวง แพทย์จะให้นอนโรงพยาบาลประมาณ 3–4 วัน เพื่อดูอาการให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด จากนั้นสามารถกลับไปฟักฟื้นต่อที่บ้านได้ โดยจะใช้ระยะเวลาการฟักฟื้นประมาณ 2–4 สัปดาห์ หรือจนกว่าแผลจากการผ่าตัดจะหายสนิท

ติ่งริดสีดวงไม่ยุบ เพราะอะไร?

โดยปกติแล้วหลังการทายาเพื่อรักษาริดสีดวง จะเริ่มเห็นผลภายใน 7-14 วัน โดยติ่งริดสีดวยจะค่อยๆฝ่อและยุบตัวลง แต่หากทำการรักษาด้วยตัวเองแล้วติ่งริดสีดวงไม่ยุบอาจมีสาเหตุดังนี้

  • ยาที่ใช้มีส่วนผสมของสมุนไพรไม่เข้มข้นพอ หรือ ยานั้นใช้ไม่ได้ผลจริง
  • รับประทานยาไม่สม่ำเสมอ ไม่ทานยาให้ถูกต้องตามคำแนะนำของฉลากยา หรือ คำแนะนำของ เภสัช
  • เลือกใช้ยาไม่เหมาะสมตามอาการที่เป็น
  • ไม่มีการปรับเปลี่ยน พฤติกรรมเสี่ยงต่างๆร่วมกับการรักษา

ติ่งริดสีดวงหายเองได้ไหม?

เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหัวริดสีดวงทวารจะค่อยๆ ยุบตัวลง หากมีการรักษาที่ถูกวิธี และ มีการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยการทานยาสมุพไพรริดสีดวงอันโดะ ที่มีสรรพคุณในการรักษาริดสีดวงโดยเฉพาะ ควบคู่ไปกับการดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน หลีกเลี่ยงการนั่งถ่ายในห้องน้ำนานๆ เลือกรับประทานอาหารที่มีเส้นใยมากขึ้น และ ไม่เบ่งอุจจาระแรงๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถหายขาดได้จากอาการของโรคริดสีดวงได้ในทุกระยะ

วิธีการดูแลตัวเองให้ติ่งริดสีดวงให้หายและยุบไว

สำหรับการดูแลตัวเองให้ติ่งริดสีดวงให้หายได้ไวขึ้น ที่ได้รับการรับรองจากผู้ที่หายขาดจากโรคริดสีดวงมาแล้วได้แก่

  1. การทานยาสมุนไพรรักษาริดสีดวง อันโดะ มีตำรับยาโบราณสูตรเฉพาะ โดยการเลือกใช้สมุนไพรตัวเด็ดที่มีฤทธิ์ในการรักษาริดสีดวงได้จริง ถึง 5 ชนิด ไม่ว่าจะเป็น เพชรสังฆาต ใบมะกา โกฐกักกรา ใบมะขามแขก อัคคีทวาร ที่มีส่วนผสมสมุนไพรเข้มข้นกว่ายี่ห้ออื่นถึง 10 เท่า ทำให้เห็นผลการรักษาที่รวดเร็ว และชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  2. สบู่ทำความสะอาด บริเวณริดสีดวงทวาร อันโดะ เป็นสบู่สมุนไพรที่จะช่วยให้บริเวณที่มีอาการริดสีดวงสะอาดมากยิ่งขึ้น ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวง ลดอาการคัน อักเสบ ลดการติดเชื้อจากเชื้อรา และแบคทีเรีย ช่วยลดบวมเเดง ช่วยสมานเเผล เเห้งเร็ว แต่ไม่ระคายเคืองผิว โดยการใช้ล้าง ทำความสะอาดบริเวณริดสีดวงทุกครั้งหลังการอุจจาระ
  3. สเปรย์บรรเทาริดสีดวงทวาร Ando สูตรผสมน้ำแร่จากประเทศญี่ปุ่น ที่มีความอ่อนโยนสูงหญิงตั้งครรภ์ใช้ได้ โดยจะช่วยลดการอักเสบ การระคายเคือง อาการเจ็บแสบ ลดอาการของริดสีดวงอื่นๆ และ ช่วยลดการเสียดสีจากการนั่ง หรือ การเดินในระหว่างวัน ด้วยส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นถึง 6 ชนิด ได้แก่ ดอกดาวเรืองหม้อ อัลลันโทอิน ว่านหางจระเข้ น้ำแร่บริสุทธิ์จากเกาะโอกินว่า ใบบัวบก และ นมผึ้ง

ภาวะแทรกซ้อนของติ่งริดสีดวง

สำหรับผู้ที่มีภาวะติ่งริดสีดวงอักเสบขั้นรุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้เช่น เลือดออกมากจนทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง ภาวะความดันโลหิตต่ำ ส่งผลให้มีอาการอ่อนเพลีย มีลิ่มเลือดอุดตันในหัวริดสีดวงทวาร ซึ่งจะทำให้ติ่งริดสีดวงเป็นก้อนจนทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวดทรมาน ต้องทำการกรีดระบายเลือด

หูรูดทวารหนักบีบรัดผิดปกติ จนทำให้เกิดภาวะขาดเลือดไปเลี้ยงติ่งริดสีดวง และเกิดการหดตัวของหูรูดทวารหนักจนเกิดอาการอักเสบ บวม และติ่งริดสีดวงเน่าส่งกลิ่นเหม็น

สรุป

สำหรับการรักษาอาการติ่งริดสีดวงให้หายได้รวดเร็วขึ้นอาจจำเป็นจะต้องใช้วิธีในการรักษามากกว่า 1-2 วิธีร่วมกัน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการรักษาที่ดีที่สุด และนอกจากนี้ การดูแลตัวเอง ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่สำคัญ ซึ่งหากท่านปฎิบัติตัวตามคำแนะนำและมีการ ใช้ยาที่ถูกวิธีก็จะสามารถรักสาติ่งริดสีดวงให้ยุบลงได้ภายใน 7-14วัน โดยไม่ต้องผ่าตัด


อ้างอิง

Surgical Treatment for Polyps, Fistula, and Hemorrhoids
https://weillcornell.org/surgical-treatment-for-polyps-fistula-and-hemorrhoids
ไม่เห็นติ่ง อย่าคิดว่าไม่เป็น “ริดสีดวง”
https://www.vejthani.com/th/2020/10/ไม่เห็นติ่ง-อย่าคิดว่า/


Similar Posts